นายพลรัสเซียโดนไล่ออก หลังจากวิจารณ์ปัญหากองทัพรัสเซีย

สถานการณ์ภายในกองทัพรัสเซียยังคงปั่นป่วนนับตั้งแต่เยฟเกนี ปริโกชิน หัวหน้ากลุ่มนักรบรับจ้างแวกเนอร์พยายามก่อกบฏในรัสเซียและวิพากษ์วิจารณ์ความไร้ประสิทธิภาพของกองทัพรัสเซีย ท่ามกลางปฏิบัติการโต้กลับของกองทัพยูเครนในแนวรบทางตะวันออกและทางใต้ แม้ว่าสุดท้ายแล้วการก่อกบฏจะล้มเหลวและจบลงภายในเวลาไม่ถึง 1 วัน แต่หลายฝ่ายวิเคราะห์ตรงกันว่านี่คือสัญญาณแรกของรอยร้าวภายในกองทัพรัสเซีย

รัสเซียเตือนส่งอาวุธนิวเคลียร์อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรง

จำนนโดยสมบูรณ์? “แวกเนอร์” ส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กองทัพรัสเซีย

ยูเครนยิงขีปนาวุธ สังหารนายพลรัสเซียได้ 1 นาย

ล่าสุดปรากฏความตึงเครียดภายในกองทัพรัสเซียอีกครั้ง โดยมีนายพลระดับผู้บังคับบัญชาการถูกปลด เนื่องจากวิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่กองทัพระดับสูงและเปิดเผยปัญหาของกองทัพรัสเซียในสนามรบที่ยูเครนอย่างตรงไปตรงมา

เมื่อวานนี้ พลตรี อีวาน โปปอฟ ผู้บัญชาการกองพลรบผสมที่ 58 ของกองทัพรัสเซีย ซึ่งประจำการรบอยู่ที่บริเวณแคว้นซาโปริซเซีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนเผยว่า ตนถูกปลดออกจากตำแหน่ง หลังรายงานต่อเจ้าหน้าที่ทางการทหารระดับสูงว่าสถานการณ์การสู้รบของรัสเซียที่แนวหน้าในยูเครนดำเนินไปอย่างเลวร้าย ในคลิปเสียงดังกล่าว นายพลโปปอฟกล่าวถึงปัญหาความบกพร่องของกองทัพในหน้าแนวรบว่า กองทัพขาดยุทโธปกรณ์ที่มีชื่อว่า "หัวยิงต่อต้านปืนใหญ่" ขาดข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของปืนใหญ่ฝ่ายยูเครน รวมถึงมีทหารรัสเซียต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมากจากการโจมตีด้วยปืนใหญ่ของยูเครน

นายพลโปปอฟยังวิจารณ์ความเพิกเฉยต่อปัญหาของเจ้าหน้าที่ทางการทหารระดับสูงที่ได้รับรายงานสถานการณ์แนวหน้าจากเขาอย่างดุเดือดอีกว่า ทหารในกองทัพรัสเซียไม่ได้ถูกทำลายจากกองทัพยูเครนที่แนวหน้า แต่ถูกแทงข้างหลังจากผู้บัญชาการระดับสูงต่างหาก

ในคลิปเสียงไม่มีการระบุเจาะจงว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่นายพลโปปอฟกล่าวถึงคือใคร อย่างไรก็ตาม คาดเดากันว่าผู้ที่โปปอฟกำลังวิพากษ์วิจารณ์อยู่คือพลเอกเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซีย และพลเอกวาเลรี เกราซีมอฟ ประธานคณะเสนาธิการทหาร โดยเสียงของนายพลโปปอฟถูกเผยแพร่ผ่านช่องทางเทเลแกรมของ อันเดร กูรูโลฟ สมาชิกสภาดูมาและอดีตรองผู้บัญชาการเขตทหารใต้ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นทหารสายเหยี่ยว อีกทั้งไม่สามารถระบุได้ว่า การบันทึกเสียงนั้นเป็นไปอย่างจงใจหรือไม่ และบันทึกไว้เมื่อไหร่ การวิพากษ์วิจารณ์กองทัพอย่างตรงไปตรงมาโดยนายทหารในกองทัพมักไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย

การลุกออกมาวิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงอย่างตรงไปตรงมาของนายพลนายโปปอฟเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์พยายามก่อกบฏของกลุ่มนักรบแวกเนอร์สงบลงได้ราวสามสัปดาห์

โดยหลังจากกองกำลังแวกเนอร์หยุดเคลื่อนขบวนเพื่อมุ่งหน้าสู่กรุงมอสโกและล้มเลิกการก่อกบฏ ปริโกชินได้ออกมาเปิดเผยว่า เขาไม่ได้ทำไปเพราะต้องการล้มล้างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แต่เป็นเพราะไม่พอใจต่อนายพลชอยกูและ

นายพลเกราซิมอฟ ความตึงเครียดระหว่างปริโกซินและเจ้าหน้าที่ทางการทหารระดับสูงทั้งสองนายดำเนินมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จากทั้งกรณีที่กระทรวงกลาโหมไม่ยอมส่งกระสุนให้กลุ่มนักรบแวกเนอร์ และให้นักรบแวกเนอร์ต้องลงทะเบียนสังกัดภายใต้กระทรวงกลาโหมรัสเซีย รวมถึงไม่พอใจต่อความไร้ประสิทธิภาพของกองทัพรัสเซียในสงคราม

ตามมาด้วยการหายตัวไปของนายพลเซอร์เก ซูโรวิกิน รองผู้บัญชาการด้านปฏิบัติการทางการทหารในยูเครน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับปริโกซินและคาดว่าทราบเกี่ยวกับแผนการก่อกบฏของกลุ่มแวกเนอร์ล่วงหน้า

นายพลโปปอฟไม่ใช่ทหารที่ใกล้ชิดกับกลุ่มแวกเนอร์ แต่ต้องเผชิญสถานการณคล้ายกับนายทหารที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงท่าทีต่อต้านเจ้าหน้าที่ทางการทหารระดับสูงที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีปูติน

หลายฝ่ายวิเคราะห์ตรงกันว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาอาจส่งผลต่อความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายในกองทัพรัสเซีย ทั้งนี้ สถาบันวิจัยสงครามวิเคราะห์ว่า การปลดนายพลโปปอฟอาจส่งผลกระทบต่อกองทัพรัสเซียในแนวรบทางตะวันออกเฉียงของยูเครนในระยะสั้นเท่านั้น

หลังจากสถานการณ์ความไม่สงบในรัสเซียจบลงด้วยการที่ปริโกชินและกองกำลังนักรบรับจ้างได้รับอนุญาตให้เข้าไปตั้งที่มั่นในเบลารุส ล่าสุดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอนได้ออกมาชี้ว่า กลุ่มกองกำลังนักรบรักจ้างแวกเนอร์ไม่ได้เป็นผู้เล่นสำคัญในสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ในยูเครนอีกต่อแล้ว

แพท ไรเดอร์ โฆษกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ออกมาเปิดเผยว่า กลุ่มแวกเนอร์ไม่ได้มีส่วนร่วมรบในการหรือสนับสนุนปฏิบัติการการรบในยูเครนเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์แล้ว หลังจากพยายามก่อกบฏในรัสเซียไม่สำเร็จ

โฆษกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังเสริมอีกว่า นักรบแวกเนอร์ส่วนมากยังคงอยู่ในพื้นที่ยึดครองของรัสเซียในยูเครน แม้จะไม่ได้มีปฏิบัติการทางการทหารแล้วก็ตาม

นอกจากนี้ กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลางโหมรัสเซียได้ออกมาเผยว่า กองทัพรัสเซียกำลังดำเนินการยึดอาวุธคืนจากกลุ่มแวกเนอร์ โดยอาวุธที่กลุ่มแวกเนอร์ส่งคืนประกอบไปด้วย อาวุธหลากหลายชนิด ซึ่งรวมถึงอาวุธหนักด้วยรวม 2,000 ชิ้น และกระสุนมากกว่า 2,500 ตัน

หากกระบวนการส่งมองอาวุธคืนให้แก่กองทัพรัสเซียเกิดขึ้นจริงตามคำกล่าวอ้างและดำเนินการจนเสร็จสิ้น หมายความว่าปฏิบัติการของกลุ่มแวกเนอร์ในยูเครนจะจบสิ้นลงอย่างสมบูรณ์ ที่ผ่านมา กลุ่มแวกเนอร์มีบทบาทอย่างมากในการรบที่ยืดเยื้อและนองเลือดในสมรภูมิที่บัคมุตเมื่อต้นปี ก่อนปฏิบัติการโต้กลับของกองทัพยูเครนจะเริ่มต้น

ด้านสถานการณ์ในยูเครน มีรายงานว่ายูเครนได้รับคลัสเตอร์บอมบ์ หรือระเบิดลูกปรายจากสหรัฐฯ แล้ว หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศแผนส่งความช่วยเหลือทางการทหารไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วอาวุธดังกล่าวมีสถานะเป็นอาวุธต้องห้ามภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยระเบิดลูกปราย หรือ CCM และมีประเทศมากถึง 123 ชาติร่วมลงนาม จึต้องติดตามกันต่อว่าสถานการณ์สู้รบจะเป็นอย่างไร

อีกประเด็นที่ต้องติดตามคือ การขนส่งธัญพืชผ่านทะเลดำ หรือว่า Black Sea grain Initiative ที่ใกล้จะหมดอายุลงอีกครั้งและรัสเซียอาจไม่ต่ออายุข้อตกลง

เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินได้ ออกมาข่มขู่ว่า รัสเซียจะไม่ยอมต่ออายุข้อตกลงร่วมกันในการเปิดเส้นทางขนส่งธัญพืชจากยูเครนผ่านทะเลดำที่กำลังจะหมดอายุลงในวันที่ 17 กรกฎาคมอีกครั้ง หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่รัสเซียต้องการ

โดยเงื่อนไขดังกล่าวเกี่ยวพันกับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย คือรัสเซียต้องการให้มีการเชื่อมธนาคารการเกษตรรัสเซียเข้ากับระบบ SWIFT อีกครั้ง

ในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนก็ได้ออกมาเน้นย้ำถึงความสำคัญของข้อตกลงดังกล่าวหลังหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านธัญพืชร่วมกับประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา ประเทศแอฟริกาใต้ ประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าวว่า ข้อตกลงว่าด้วยการส่งออกธัญพืชเป็นข้อตกลงที่จำเป็นต่อการรักษาความมั่นคงอาหารในระดับโลกและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร

 นายพลรัสเซียโดนไล่ออก หลังจากวิจารณ์ปัญหากองทัพรัสเซีย

อีกทั้งรัสเซียยังต้องตระหนักกว่า การกระทำใดๆ ที่นำไปสู่ความอดอยาก คือการกระทำที่บีบให้ทั่วโลกหิวโหย ไม่ใช่แค่ใครคนใดคนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม โฆษกรัฐบาลรัสเซียได้ออกมากล่าวเพิ่มเติมว่า คำกล่าวของประธานาธิบดีปูตินยังไม่ใช่การตัดสินชี้ขาด

ข้อตกลงว่าด้วยการขนส่งธัญพืชผ่านทะเลดำเป็นความตกลงที่มีขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาจากที่รัสเซียปิดกั้นการเดินเรือในทะเลดำ นับตั้งแต่รัสเซียทำสงครามรุกรานยูเครน จนทำให้ธัญพืชจำนวนหลายล้านตันตกค้างอยู่ในโกดังและท่าเรือของยูเครนคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

จนกระทั่งมีการบรรลุข้อตกลงร่วมกันระหว่างรัสเซีย ยูเครน ตุรกี และองค์การสหประชาชาติบรรลุข้อตกลงร่วมกันให้ยูเครนสามารถขนส่งธัญพืชผ่านทางทะเลดำได้อีกครั้งด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวต้องมีการต่ออายุทุก 120 วัน หรือ 4 เดือน แต่ครั้งล่าสุดรัสเซียเห็นชอบให้ต่ออายุออกไปอีกแค่ 60 วัน ลดลงครึ่งหนึ่งจากที่กำหนดว่า 120 วัน ข้อตกลงดังกล่าวมีส่วนช่วยรักษาเสถียรภาพของระดับราคาธัญพืชในระดับโลก นับตั้งแต่มีข้อตกลงเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม ปี 2022 ยูเครนส่งออกธัญพืชเป็นปริมาณ 32.8 ล้านเมตริกตัน

You May Also Like

More From Author