คาด “เพื่อไทย” ได้ตั้งรัฐบาล จับตาชุมนุมยืดเยื้อ-รุนแรง กดดันตลาดหุ้นไทย

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2566 บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ถึงสถานการณ์การเมืองไทย ว่า การเมืองเริ่มเห็นฉากทัศน์ชัดเจนขึ้น ช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปรับขึ้นต่อได้ โดยเมื่อวานนี้ (19 ก.ค.66) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 เสียงต่อ 2 เสียง มีคำสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรณีการถือหุ้นบริษัทไอทีวี (ITV) หยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) ไว้ก่อน ตั้งแต่ 19 ก.ค.66 จนกว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

โดยกระบวนการหลังจากนี้ศาลฯจะรอเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาจากผู้ถูกร้องภายใน 15 วัน ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการไต่สวน คาดว่า กระบวนการดังกล่าวใช้เวลาราว 3-4 เดือน

 คาด “เพื่อไทย” ได้ตั้งรัฐบาล จับตาชุมนุมยืดเยื้อ-รุนแรง กดดันตลาดหุ้นไทย

ขณะที่ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ประธานรัฐสภาได้ขอให้ที่ประชุมลงมติ กรณีการเสนอชื่อนายพิธา เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาว่าเป็น ผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ขัดต่อข้อบังคับการประชุมข้อที่ 41 หรือไม่ ซึ่งที่ประชุมมีมติไม่ให้เสนอชื่อซ้ำ ด้วยคะแนน 395 ต่อ 312 งดออกเสียง 8 ไม่ ลงคะแนน 1 ส่งผลให้ไม่สามารถเสนอชื่อ นายพิธา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้รัฐสภาโหวตซ้ำได้ในสมัยการประชุมนี้

ล่าสุดประธานรัฐสภา ได้กำหนดเปิดประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี ครั้งถัดไปวันที่ 27 ก.ค.66 ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่พรรคเพื่อไทย ซึ่งมี สส. มากเป็นอันดับ 2 จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ โดยจะมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในการประชุมรัฐสภา 27 ก.ค.66

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯคาดว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องดำเนินการให้เรียบร้อยในวันที่ 27 ก.ค. เนื่องจากการประชุมสภารอบที่ผ่านมา มีข้อสรุปว่าไม่สามารถเสนอรายชื่อ บุคคลเดิมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซ้ำได้ ภายใต้สถานการณ์อื่นไม่เปลี่ยนเป็น “ญัตติต้องห้าม” ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41

ในเบื้องต้น ฝ่ายวิจัยฯ เชื่อว่ามีโอกาสที่จะได้รัฐบาล ชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศในช่วง ส.ค.66 โดยสถานการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ มีดังนี้

  • พรรคเพื่อไทย จับมือพรรคร่วมรัฐบาลเดิมทั้ง 8 พรรค และสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
  • พรรคเพื่อไทย จับมือพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ โดยไม่มีพรรคก้าวไกล และยังเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร์

สำหรับภาพการเมืองในช่วงนี้อยู่ในวิสัยที่สามารถคาดการณ์ได้มากขึ้น และน่าจะทำให้ Downdside ของ SET Index จำกัด โดยเชื่อว่าน่าจะได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศได้ในช่วงเดือน ส.ค. 66 มีเพียงความเสี่ยงนอกรัฐสภา ที่หากมีความรุนแรงและยืดเยื้อขึ้น จะเป็นปัจจัยกดดัน SET Index อีกครั้ง

ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่า SET Index ยังมีแรงหนุนจากภาพเศรษฐกิจ และ การเมืองที่มีโอกาสได้รัฐบาลใหม่ในไม่ช้า ประเมินว่าน่าจะเห็นแรงเหวี่ยงขึ้นได้ต่อกรอบการเคลื่อนไหว 1,520-1,545 จุด

ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดหลุด 34 คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย

โหวตนายก : รัฐสภาลงมติเป็นญัตติต้องห้าม! ปิดทางเสนอชื่อ "พิธา" โหวตนายกฯ

ทั้งนี้ในช่วง 4 วันที่ผ่านมา มีการไหลเข้าของเม็ดเงิน (Fund Flow) ในตลาดหุ้นไทย จาก 3 กลุ่มนักลงทุนใหญ่ พร้อมกัน 3 วันติด เริ่มจาก ต่างชาติซื้อสุทธิสะสมสูงสุด 3.9 พันล้าน บาท รองลงมากองทุนในประเทศซื้อสุทธิสะสม 2.9 พันล้านบาท ตามมาด้วยโบรกเกอร์ซื้อสุทธิสะสม 779 ล้านบาท

ซึ่งในอดีตไม่บ่อยนักที่จะเห็นการซื้อสุทธิพร้อมกันของทั้ง 3 กลุ่ม และจากสถิติในปีนี้ยังบ่งชี้ว่า เวลาที่ทั้ง 3 กลุ่มซื้อสุทธิพร้อมกัน มักผลักดันให้ SET Index มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเฉลี่ย 0.84% ต่อวัน และมีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกสูงถึง 80% ด้วย Fund Flow ไหลเข้าทั้งในตลาดหุ้นไทย และตลาดฟิวเจอร์ส คาดจะช่วยลดความผันผวนของตลาดในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลได้

สำหรับกลยุทธ์ ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำ “หุ้นติดสปริง” คือ หุ้นที่ลงมาลึกตั้งแต่ช่วงหลังเลือกตั้ง แต่เริ่มมีแนวโน้มในการฟื้น และยังเหลือพื้นที่ให้ดีดตัวกลับไปที่เดิม โดยผ่านเงื่อนไขต่าง ดังนี้

1. หุ้นลงมาลึก คือ หุ้นที่ทำจุดต่ำสุดลึกกว่า -10% ในช่วงหลังวันเลือกตั้งปี 66

2. เริ่มมี Momentum ในการฟื้น คือ มีการฟื้นขึ้นจากจุดต่ำสุดมากกว่า 10%คำพูดจาก สล็อต true wallet

3. เป็นหุ้นที่มักขึ้นได้แรงกว่าตลาด คือ มี Beta > 1

4. ยังมีพื้นที่ให้ขยับขึ้นต่อ คือ ราคาหุ้นยังไม่กลับไปสูงกว่าช่วงก่อนเลือกตั้งปี 66

You May Also Like

More From Author