จะทำอย่างไร ถ้าหุ้นกู้ที่ซื้อไว้ผิดนัดชำระ –

หนึ่งในความเสี่ยงสำคัญของการลงทุนหุ้นกู้คือความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ที่ผู้ออกหุ้นกู้ไม่สามารถชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยได้ตามกำหนดรวมทั้งกรณีที่ผู้ออกหุ้นกู้ไม่สามารถชำระหนี้จากการถูกเรียกให้ชำระหนี้โดยพลันซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

นายทยากร จิตรกุลเดชา ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารหนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) บอกว่า เมื่อมีการผิดนัดชำระหนี้ ผู้ถือหุ้นกู้จะมี “ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้” เป็นเหมือนตัวแทนของผู้ถือหุ้นกู้ในแต่ละรุ่น มีหน้าที่เรียกร้องให้ชำระหนี้ บังคับหลักประกัน และเรียกร้องค่าเสียหายให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการให้ข้อมูลต่างๆ กับผู้ลงทุนด้วย โดยผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้อาจจำเป็นจะต้องมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อขออนุมัติในการดำเนินการต่างๆ เช่น ขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้ ฟ้องร้องบังคับชำระหนี้ หรือบังคับหลักประกัน 

ดังนั้นผู้ถือหุ้นกู้ควรติดตามข่าวสารจากผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้และต้องใช้สิทธิเข้ารวมประชุมเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเองด้วยรวมถึงควรศึกษาเอกสารการประชุมอย่างละเอียดและเข้าร่วมประชุมด้วยตนเองเพื่อซักถามผู้ออกหุ้นกู้และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดรอบคอบก่อนการตัดสินใจลงมติเสมอเพื่อรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของตนเองอย่างดีที่สุด

1.จะรู้ได้อย่างไรว่าหุ้นกู้รุ่นไหน ใครเป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ผู้ถือหุ้นกู้สามารถดูข้อมูลของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ได้จากสรุปข้อมูลสำคัญของตราสาร (factsheet) ในส่วนลักษณะตราสาร หรือหน้าปกแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ (filing) ทั้งนี้ ผู้ลงทุนค้นหา factsheet และfiling ของหุ้นกู้รุ่นที่ลงทุน ได้จากทางแอปพลิเคชัน SEC Bond Check หรือเว็ปไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. https://market.sec.or.th/public/idisc/th/Product/Filing

2.เมื่อต้องมีการบังคับชำระหนี้ ผู้ลงทุนควรต้องเตรียมการอย่างไร

เมื่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้มีมติหรือผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ใช้ดุลยพินิจตัดสินใจที่จะดำเนินการบังคับชำระหนี้ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะเป็นบุคคลที่ช่วยดำเนินการในการฟ้องร้องบังคับหลักประกัน(กรณีหุ้นกู้มีประกัน)หรือบังคับชำระหนี้ให้แทนผู้ถือหุ้นกู้ทุกรายและจะเป็นผู้ดำเนินการให้ผู้ออกหุ้นกู้ชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถกระทำได้โดยชื่อของผู้ถือหุ้นกู้ทุกรายจะปรากฏในทะเบียนรายชื่อล่าสุดและผู้ถือหุ้นกู้ควรจัดเตรียมเอกสารหลักฐานการถือครองหุ้นกู้ไว้ให้พร้อมหากมีความจำเป็นจะต้องมีการยืนยันสถานะการเป็นผู้ถือหุ้นกู้

3.หุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ไม่มีประกันจะมีการดำเนินการที่แตกต่างกันไปหรือไม่ 

หากเป็นผู้ถือหุ้นกู้ที่มีหลักประกันจะมีสิทธิเรียกร้องในการได้รับชำระหนี้จากสินทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกัน โดยจะมีกระบวนการบังคับหลักประกัน เช่น การขายทอดตลาด และสำหรับผู้ถือหุ้นกู้ที่ไม่มีประกัน โดยทั่วไปผู้ถือหุ้นกู้ในกลุ่มนี้จะมีสิทธิเทียบเท่าเจ้าหนี้ทั่วไปของบริษัท ซึ่งจะมีกระบวนการในการฟ้องบังคับชำระหนี้ ซึ่งผู้ถือหุ้นกู้กลุ่มนี้จะมีสิทธิเรียกร้องในสินทรัพย์อื่นๆ ที่ปลอดภาระของบริษัท โดยต้องแบ่งสินทรัพย์กับเจ้าหนี้รายอื่นตามสิทธิและสัดส่วนของหนี้ ทั้งนี้ ในด้านการดำเนินการบังคับหลักประกันหรือบังคับชำระหนี้ของผู้ถือหุ้นกู้ ไม่ว่าหุ้นกู้มีประกันหรือหุ้นกู้ทั่วไปผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะเป็นผู้ดำเนินการให้กับผู้ถือหุ้นกู้

4.ผู้ถือหุ้นกู้แต่ละประเภทจะได้รับชำระหนี้ในลำดับไหน 

ผู้ลงทุนในหุ้นกู้อยู่ในฐานะเจ้าหนี้ของบริษัท มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนผู้ถือหุ้นสามัญที่มีฐานะเป็นเจ้าของกิจการซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้เป็นอันดับสุดท้าย สำหรับผู้ถือหุ้นกู้มีประกัน จะมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และหุ้นกู้ไม่มีประกัน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบลำดับการชำระหนี้ของหุ้นกู้รุ่นที่ตนถือครองได้จากสรุปข้อมูลสำคัญของตราสาร (factsheet) ของหุ้นกู้รุ่นนั้นๆ 

5.ผู้ลงทุนจะติดตามความคืบหน้าการบังคับหลักประกันหรือบังคับชำระหนี้ได้อย่างไร

ผู้ถือหุ้นกู้สามารถติดตามความคืบหน้าของผลการบังคับชำระหนี้จาก “ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้” ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการให้ข้อมูลต่างๆ กับผู้ลงทุน 

แม้ว่าการลงทุนหุ้นกู้จะมีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นทุนและนอกจากมีความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกหุ้นกู้แล้วยังมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและความเสี่ยงด้านราคาอีกด้วยก.ล.ต.จึงขอให้ผู้ลงทุนหุ้นกู้ศึกษาข้อมูลเพื่อพิจารณาทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงและผลตอบแทนและจัดสรรเงินลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่สามารถรับได้

You May Also Like

More From Author